
เคล็ดลับจากงาน Google Search Central Live 2025
เมื่อ Google เริ่มใช้ AI Overviews เพื่อแสดงคำตอบสั้น ๆ ให้กับผู้ใช้งานก่อนแสดงลิงก์เว็บไซต์ เจ้าของแบรนด์และนักการตลาดจึงต้องรู้ว่า
จะทำยังไงให้เนื้อหาและแบรนด์ของเรา “ไปอยู่ในคำตอบ AI” ได้?
บทความนี้รวบรวมแนวทางจากงาน Google Search Central Live 2025 และสรุปให้เข้าใจง่าย พร้อมลงมือทำได้เลยค่ะ
1. เริ่มจากเว็บไซต์ที่ “พร้อมสำหรับ AI”
เว็บไซต์ที่ดีมีคุณสมบัติดังนี้:
- โหลดเร็ว รองรับทั้งมือถือและเดสก์ท็อป
- ไม่มีข้อผิดพลาด (เช่น 404 หรือ JavaScript หนักเกินไป)
- Googlebot สามารถเข้าไปอ่านเนื้อหาได้ (ตรวจสอบด้วย Search Console)
- ใช้ HTTPS และมีโครงสร้างเนื้อหาที่เป็นระเบียบ
เว็บไซต์ที่มีพื้นฐานดี จะมีโอกาสถูก AI นำข้อมูลไปใช้งานมากขึ้น
2. สร้างเนื้อหาที่ตอบคำถามชัดเจน ตรงประเด็น
เนื้อหาที่ AI ชอบ ต้อง:
- ตอบคำถามของผู้ใช้โดยตรง
- ใช้ภาษาธรรมชาติ เข้าใจง่าย
- เขียนเหมือนอธิบายให้เพื่อนฟัง ไม่เน้นขายเกินไป
ตัวอย่าง:
[ไม่ควร] “เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเสริมธรรมชาติ…”
[ควร] “หากคุณกำลังมองหาอาหารเสริมที่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ควรเลือกสูตรที่ไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์”
3. ใช้รูปแบบ Q&A และหัวข้อย่อย
เคล็ดลับในการจัดโครงสร้างบทความ:
- เริ่มต้นด้วยคำถามที่ผู้ใช้ค้นหาบ่อย เช่น
- “สบู่ออร์แกนิกเหมาะกับผิวแบบไหน?”
- “คนผิวแพ้ง่ายควรเลี่ยงสารอะไรในครีม?”
- ตอบให้กระชับ ชัดเจน ไม่ใช้ศัพท์เฉพาะมาก
- ใช้หัวข้อย่อย (H2, H3) เพื่อแบ่งเนื้อหาให้ AI แยกส่วนได้ง่าย
- ใช้ bullet points และบทสรุป (summary) ตอนท้าย
4. ใส่โครงสร้างข้อมูล (Structured Data / Schema Markup)
Google ใช้ structured data เพื่อเข้าใจประเภทของเนื้อหาในเว็บไซต์ เช่น บทความ, รีวิว, คำถาม-คำตอบ, หรือโปรไฟล์ธุรกิจ
ตัวอย่าง schema ที่ควรใช้:
FAQPage
HowTo
Article
Product
Organization
สามารถติดตั้งได้ผ่านปลั๊กอิน หรือใช้เครื่องมือของ Google เช่น Rich Results Test
5. เน้นความเชี่ยวชาญในหัวข้อเดียว (Topical Authority)
AI จะเชื่อถือเว็บไซต์ที่มีความรู้ลึกในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง มากกว่าการเขียนหลายเรื่องกระจัดกระจาย
ตัวอย่าง: ถ้าคุณขายสบู่ออร์แกนิก
ควรมีบทความชุดเกี่ยวกับหัวข้อนี้ เช่น
- ประเภทของสบู่ออร์แกนิก
- วิธีเลือกสบู่สำหรับผิวแพ้ง่าย
- ความแตกต่างระหว่างสบู่ธรรมดากับสบู่ pH balance
- รีวิวผลิตภัณฑ์จากผู้ใช้จริง
เมื่อเขียนหลายบทความที่เชื่อมโยงกัน AI จะมองว่าแบรนด์ของคุณมีความน่าเชื่อถือในหัวข้อนั้น
6. ปรับสำนวนให้สอดคล้องกับการค้นหาด้วยเสียง
คนจำนวนมากใช้การค้นหาด้วยเสียง เช่น
“สบู่ออร์แกนิกที่ไม่ทำให้ผิวแห้งมีไหม?”
“ครีมกันแดดสำหรับผิวแพ้ง่ายแบบไหนดี?”
สิ่งที่ควรทำ:
- ใช้ประโยคเต็มๆ แบบภาษาพูด
- หลีกเลี่ยงการใส่คีย์เวิร์ดแบบแข็ง ๆ เช่น “สบู่ธรรมชาติ ราคาถูก”
- ใส่คำถามที่คนมักถามจริง และตอบด้วยคำอธิบายธรรมชาติ
7. ใช้ AI ช่วยร่างเนื้อหา แต่ให้แบรนด์ “เป็นคนพูด”
AI tools สามารถช่วยคุณร่างหัวข้อหรือประโยคได้
แต่ควรมีการปรับให้เข้ากับ tone of voice ของแบรนด์ เพื่อให้เนื้อหาดูจริงใจ เป็นธรรมชาติ และมีความเฉพาะตัว
แนะนำ: ใช้ AI เป็น “ผู้ช่วยร่าง” ไม่ใช่ “ผู้เขียนแทนทั้งหมด”
8. ปรับปรุงเนื้อหาเดิมให้ทันสมัย และเป็นมิตรกับ AI
บทความเก่าที่เคยทำไว้อาจแค่ขาดองค์ประกอบเล็ก ๆ เช่น
- ไม่มี FAQ
- ไม่มีหัวข้อย่อย
- ภาษาเป็นทางการเกินไป
การรีเฟรชบทความเดิม (content refresh) สามารถทำให้เนื้อหานั้นขึ้นใน AI Overviews ได้โดยไม่ต้องเริ่มใหม่
9. สร้างและดูแลโปรไฟล์ธุรกิจออนไลน์
สำหรับธุรกิจร้านค้า หรือบริการท้องถิ่น การมี Google Business Profile และข้อมูลที่ครบถ้วนเป็นอีกปัจจัยสำคัญ
อย่าลืม:
- ใส่ชื่อ ที่อยู่ เวลาเปิดทำการ รูปภาพ และรีวิว
- เพิ่มลิงก์ไปยังเว็บไซต์หลัก
- ตรวจสอบให้ข้อมูลตรงกันทุกช่องทาง เช่น Google, Facebook, ไดเรกทอรีต่างๆ
AI จะใช้ข้อมูลจากโปรไฟล์เหล่านี้ไปแสดงในคำตอบด้วย
10. ตรวจสอบและวัดผล
คุณสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อตรวจสอบว่าเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณถูกนำไปใช้ใน AI หรือไม่:
- Google Search Console (มีรายงานสำหรับ AI Overviews แล้ว)
- Scrunch AI, Profound, Athena (ตรวจการแสดงผลใน AI search tools)
สรุป
การทำให้แบรนด์ของคุณเป็น “คำตอบของ AI” ไม่ใช่เรื่องของเทคนิคซับซ้อน
แต่เป็นเรื่องของ “การเขียนให้คนเข้าใจง่าย” + “การจัดโครงสร้างเนื้อหาให้ AI เข้าใจได้”
เริ่มต้นด้วยบทความเดียวที่คุณมั่นใจ แล้วปรับตามหลักนี้
เนื้อหาชิ้นเดียวอาจกลายเป็นประตูให้คนใหม่ ๆ รู้จักแบรนด์ของคุณในหน้าค้นหาแบบใหม่ได้เลยค่ะ
สนใจเรียนรู้เรื่องการทำ Content เพื่อเป็น AI Friendly ที่มีประสิทธิภาพกับสินค้าของคุณ กดติดตามช่องทางต่างๆ ด้านล่างนี้เลยค่ะ
Website: https://www.mpgraphichouse.com/
Tiktok: @mpgraphichouse
Line: @mpgraphichouse
0 Comments